วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

งานแปลเรื่อง คืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลก

         
                                               

                                              คืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลก

ตอนที่ 1  เรือผี

กะลาสีเล่าเรื่องเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของเรือโจรสลัดสีดำ พวกเขาเห็นมัน บางครั้งเวลาที่มีหมอกหนาแน่น หมู่โจรสลัดที่น่ากลัวจะอยู่บนเรือลำนั้น และไม่สามารถออกมาได้เพราะเรือนั้นเป็นเรือที่ถูกคำสาป
            แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียว ที่นั่นไม่มีผีอยู่จริง หรืออาจจะมีกันแน่
            เรือดอนท์เลส เคลื่อนผ่านหมอกหนาแน่นออกมาอย่างช้าๆ มันเป็นเรือที่ใหญ่มาก บรรทุกปืนกว่า 50 กระบอก และมีผู้ชายที่แข็งแรงกว่า 100 คน
            12 ปีก่อน อลิซาเบธสวอนน์ ยืนอยู่ด้านหน้าของเรือ เธอจะเดินทางไปพอท รอยัล ในจาไมก้า พ่อของเธอได้เป็นข้าหลวงของที่นั่น

Learning log 16 การอบรมภาคบ่าย 30/10/58

Learning log
นอกห้องเรียน
            การเข้าอบรมในวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2558 ในช่วงบ่ายโดย ผศ.ดร.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ได้พูดถึงประเด็นครูในศตวรรษที่ 21 ว่า ครูจะต้องสนใจในเทคโนโลยีต่างๆ ต้องมีการเรียนการสอนอย่างบูรณาการ มีนวัตกรรม ICT ที่มีคุณสมบัติทางด้านเทคโนโลยีโดยใช้ระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ยุคใหม่มาสนับสนุนการเรียนรู้และการบริหารจัดการทั้งด้านวิชาการ บุคคล งบประมานและการบริหารงานทั่วไป เพื่อพัฒนาคุณภาพเด็กยุคใหม่ด้วยสารสนเทศรอบด้าน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีวิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคมปัจจุบัน

Learning log 15 การอบรมเช้า 30/10/58

Learning log
นอกห้องเรียน
            การศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้  ได้มาจากการดิฉันได้เข้าร่วมอบรบเชิงปฏิบัติการเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ในวันที่สองในช่วงภาคเช้า คือวันศุกร์ ที่ 30 ตุลาคม 2558 โดย  ผศ.ดร. ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ในหัวข้อ วิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ซึ่งประกอบไปด้วยการเรียนการสอนการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 ภาษาอังกฤษตั้งแต่อดีต และสุดท้ายกลวิธีการเรียนการสอนภาษาในปัจจุบัน ซึ่งแนวการสอนดังกล่าวล้วนมีความสำคัญมากเพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกห้องเรียนในอนาคตได้

Learning log 14 การอบรมภาคบ่าย 29/10/58

Learning log
นอกห้องเรียน
            การเข้าอบรมในโครงการเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะโดย ผศ.ดร.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ในช่วงบ่ายของวันแรก ดิฉันได้รับความรู้เทคนิคในการเรียนการสอนที่มากมายและหลากหลายรูปแบบที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสอนนักเรียนในอนาคตได้ อีกทั้งยังมีการพูดคุยถึงที่มาของภาษาอังกฤษว่าไม่ได้เป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกันมากที่สุดในโลกแต่นิยมใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่ใช้กันทั่วโลกนั้นเพราะว่า ในโลกอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีต่างๆนั้น ใช้ภาษาอังกฤษ ทุกคนบนโลกก็เล่นอินเตอร์เน็ต เลยทำให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่ผู้คนนิยมใช้สื่อสารกันทั่วโลก

Learning log 13 การอบรมภาคเช้า 29/10/58

Learning log
การอบรม (เช้า)
            การศึกษานอกห้องเรียนในครั้งนี้ ได้มาจากการที่ดิฉันเข้าร่วมอบรมโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่ดิฉันได้เข้าร่วมโครงการนี้ เพราะเนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีและวิวัฒนาการต่างๆในการเรียนภาษาอังกฤษนั้นได้พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การที่เราศึกษาแต่ในห้องเรียนนั้น ไม่สามารถทำให้เราพัฒนาความรู้ได้มากนัก ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องศึกษานอกห้องเรียน และการอบรมในครั้งนี้เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์และวิชาความรู้ในทักษะภาษาอังกฤษ ซึ่งเราสามารถนำความรู้ที่ได้รับนั้นมาบูรณาการกับทักษะต่างๆ และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้ตนเองนั้นเกิดการพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษได้มากยิ่งขึ้น

Learning log 12 นอกห้องเรียน

Learning log 12
นอกห้องเรียน
ปัจจุบันนี้ภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญยิ่งและเป็นตัวสำคัญที่จะช่วยให้บุคคลได้พัฒนาทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ดังนั้นการศึกษานอกห้องเรียนจึงเป็นทักษะสำคันในการเรียนรุและพัฒนาตนเอง ซึงทักษะเหล่านั้นได้แก่ ทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ในการศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้ ดิฉันจึงได้ฝึกทักษะ การฟังพูดโดยการร้องเพลง ดูหนัง และฝึกการอ่านโดยการอ่านข่าว ดิฉันคิดว่าการฝึกฝนทักษะดังกล่าว เป็นการพัฒนาสมรรถนะทางด้านภาษาเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้นการเตรียมความพร้อม เพื่อให้มีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่สามารถติดต่อสื่อสาร แสวงหาความรู้ สร้างความร่วมมือ เจรจาต่อรอง และสร้างความสัมพันธ์อันดีได้ จึงมีความสำคัญ เป็นอย่างยิ่ง

Learning log 11 นอกห้องเรียน

Learning log 11
นอกห้องเรียน
แม้คนไทยจะเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ การเรียนการสอนในสถานศึกษาส่วนใหญ่ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาถึงระดับอุดมศึกษายังคงใช้ภาษาไทยเป็นสื่อในการเรียนการสอน อีกทั้งสภาพแวดล้อมนอกห้องเรียนที่ไม่เอื้อต่อการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ เป็นผลให้นักเรียนไทยขาดความคล่องแคล่วในการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรู้ การฝึกฝน และโอกาสนำไปใช้ในสถานการณ์จริง รวมถึงบริบททางสังคมที่ทำให้บุคคลนั้นต้องใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา เป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมสร้างประสิทธิภาพในการสื่อสาร นอกจากนี้ผู้ใช้ภาษาอังกฤษควรมีพื้นความรู้ทางไวยากรณ์และเข้าใจรูปแบบประโยคภาษาอังกฤษ ตลอดจนสามารถนำไปใช้อย่างเหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การสื่อสารจะเกิดประสิทธิผลเพียงใดขึ้นอยู่กับการฝึกฝนทางการออกเสียงเป็นพื้นฐาน บุคคลจำนวนมากพบว่าตนมีความรู้ด้านกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ และรู้คำศัพท์ในภาษาอังกฤษมากพอสมควร แต่เมื่อพูดกับชาวต่างประเทศหรือสื่อความด้วยการพูดภาษาอังกฤษแล้วเกิดความคับข้องใจ และเกิดปัญหาขึ้นเนื่องจากผู้ฟังไม่เข้าใจเรื่องราวที่ตนพูดอันเป็นผลจากการออกเสียงที่ไม่ถูกต้องนั่นเอง  แม้ว่าบุคคลที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศเช่นคนไทย จะมีบรรยากาศการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่ไม่เอื้อให้การพูดภาษาอังกฤษเป็นไปอย่างอัตโนมัติหรือคล้ายเจ้าของภาษามากนัก ผู้เรียนสามารถปรับปรุงการพูดของตนได้ หากมีการฝึกฝนอย่างถูกหลักการ ด้วยวิธีการที่เหมาะสม และฝึกทีละขั้นตอนดังต่อไปนี้

Learning log 10 นอกห้องเรียน

Learning log 10
นอกห้องเรียน
            ในปัจจุบันหลายคนสับสนกับภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและแบบอังกฤษ ไม่รู้ว่าอันไหนเป็นแบบอังกฤษอเมริกัน และอันไหนเป็นแบบอังกฤษ พวกเราคนไทยซึมซับกับภาษาทั้งสองแบบก็เลยเอามาใช้ปะปนกันจนแยกไม่ออก และในการเรียนการสอนในห้องเรียนครูบางคนจะใช้ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันบ้าง อังกฤษแบบอังกฤษบ้าง จนทำให้ข้าพเจ้าสับสน  เพราะฉะนั้นการศึกษานอกห้องเรียนในครั้งนี้ ดิฉันเลยสนใจที่จะสนใจที่จะศึกษาเรื่องความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกันกับภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ

Learning log 9 นอกห้องเรียน

Learning log 9
นอกห้องเรียน
เมื่อพูดถึงการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง การฝึกด้วยเพลงคือหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก  เพราะนอกจากจะได้ฝึกฟังสำนวนภาษาและเรียนรู้วิธีออกเสียงแล้ว เพลงยังทำให้รู้สึกเพลิดเพลินและโฟกัสกับการเรียนรู้ได้นานขึ้นด้วย  วิธีการฝึกทักษะการฟังเพลงสามารถทำได้โดย เราชอบเพลงไหนก็ไปหาเนื้อเพลงนั้นมาดู อ่านเนื้อเพลง อ่านคำแปลเพื่อจะได้เข้าใจความหมายของเพลงและได้ศัพท์ด้วย จากนั้นก็ฝึกร้องตาม เปิดฟังซ้ำๆ ฟังบ่อยๆ เหมือนการฟังเพลงในชีวิตประจำวัน พยายาม ร้องตาม (ออกเสียงตาม) จนกระทั้งจะเกิดการจำเนื้อเพลงได้เอง ซึ่งเมื่อจำเนื้อเพลงได้เราจะนึกความหมายออก    เราจะจำคำศัพท์ได้โดยไม่ต้องท่อง ได้ทั้งศัพท์และทักษะการฟังไปพร้อมกัน ทุกอย่างจะซึมเข้าสมองเราจะจดจำเป็นแบบระยะยาวเลยละ เพียงเท่านี้ทักษะการฟังเราก็จะดีขึ้นเอง

Learning log 9 ในห้องเรียน

Learning log  9
ในห้องเรียน
การศึกษาในห้องเรียนครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง การลดรูปของ Adverb clause of time ซึ่งการเรียนรู้ในครั้งนี้เป็นการเรียนรู้ภายในกลุ่มและร่วมกันสรุปเนื้อหากันภายในกลุ่ม ซึงสิ่งที่ได้ร่วมกันสรุปนั้นมีเนื้อหาดังนี้ Adverb clause (วิเศษณานุประโยค) คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่เหมือนคำกริยาวิเศษณ์ตัวหนึ่งที่ใช้ขยายกริยา หรือคุณศัพท์ในประโยคหลัก หรือใช้ขยายประโยคหลักเพียงแสดงถึงวัตถุประสงค์บางประการAdverb Clause จะตามหลังสันธานที่ใช้เชื่อม เพราะอนุประโยคที่ใช้ขยายใจความในประโยคหลักAdverb clauseเป็นประโยคย่อมที่ขึ้นต้นด้วยคำสันธาน ชนิด subordinate conjunction (เป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคย่อยเข้ากับประโยคหลัก ส่วนคำสันธานที่ใช้ในประโยคความรวม เรียกว่า coordinating conjunction) คำสันธานชนิด subordinate conjunction ทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น บอกเวลา ได้แก่ before, after, when, while,..  บอกลักษณะ ได้แก่ as if, as though,  บอกการเปรียบเทียบ ได้แก่ as.........as  บอกวัตถุประสงค์ ได้แก่ so that, in order that,..  บอกสถานที่ ได้แก่ where, wherever,.  บอกความขัดแย้ง ได้แก่ though, even if,. บอกเงื่อนไข ได้แก่ If, provided, unless เป็นต้น

Learning log 8 นอกห้องเรียน

Learning log 8
นอกห้องเรียน
การฝึกทักษะฟังภาษาอังกฤษผ่านการดูหนังเป็นเทคนิคหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะประหยัดเงิน ไม่ต้องไปเสียค่าเรียนแพงๆ ตามสถาบันสอนภาษาแล้ว ผู้เรียนยังได้ฝึกภาษาแบบเพลินๆ ผ่านเรื่องราวที่สนุกสนานในหนังอีกด้วย แต่คิดจะฝึกฝนทั้งที เราก็ควรทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

Learning log 8 ในห้องเรียน

Learning log 8
ในห้องเรียน
Noun Clause คือ อนุประโยค (Subordinate clause) ประเภทหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นคำนาม (noun) ในประโยค ซึ่งในการสนทนาพูดคุย ติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวันเราอาจจะใช้ Noun clause แต่เรามักไม่รู้ตัวว่าเรากำลังใช้ Noun clause อยู่ ซี่ง Noun clause นี้มักจะปรากฏทั้งในภาษาพูดและภาษาเขียน ตัวอย่างเช่นBig John thinks he should practice meditation twice a week.บิ๊ก จอห์นคิดว่าเขาควรจะฝึกสมาธิอาทิตย์ละครั้ง เป็นต้น

Learning log 7 นอกห้องเรียน

Learning log 7
นอกห้องเรียน
                ในการเรียนการสอนให้ได้ผลดีนั้น จะเหมือนกันทุกภาษา คือไม่ว่าเราจะเรียนภาษาอะไรสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งคือการที่ครูสอนภาษาสามารถทำให้ผู้เรียนรักภาษาอังกฤษก่อน เมื่อเรารักภาษาอังกฤษแล้วก็จะเรียนด้วยความไม่เครียด และจะสามารถเรียนได้ดี หลายคนบ่นว่าไม่ชอบภาษาอังกฤษ แต่อยากเก่งภาษาอังกฤษ คงจะเป็นไปได้ยากที่เราจะเก่งในสิ่งที่ไม่ได้รัก ดังนั้นเราควรจะหาวิธีที่ทำให้ชอบภาษาอังกฤษก่อน แล้วเราก็จะเก่งภาษาอังกฤษไปเอง ก่อนอื่นเราต้องเริ่มจากการหาวัตถุดิบที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษเข้าไปในสมองของคนเราให้ได้เยอะๆก่อน หรือพยายามร้างสภาพแวดล้อมให้เป็นภาษาอังกฤษ เช่น การฟังภาษาอังกฤษ การพูด การอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษมากๆ โดยการฟังเพลง หรือดูภาพยนตร์ที่เราชอบเป็นภาษาอังกฤษ ทำซ้ำๆหลายๆรอบ พยายามพูดตาม ให้สำเนียงเหมือนให้ได้ แล้วจึงมาหาความหมายในภายหลังว่าคำภาษาอังกฤษนั้นถ้าแปลเป็นไทยแล้ว มีความหมายว่าอย่างไร ก็จะเป็นวิธีที่ทำให้เราเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีอย่างรวดเร็ว

Learning log 7 ในห้องเรียน

Learning log 7
ในห้องเรียน
                การศึกษาในห้องเรียนครั้งนี้ดิฉันได้ศึกษาเรื่อง conditional sentence หรือที่หลายคนรู้จักในนาม if-clause ซึ่งได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเภทและการนำไปใช้ของ if-clause เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับประโยคเงื่อนไข ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องศึกษา ก็เพราะในโ,กนี้ทุกคนย่อมมีความต้องการ ความปรารถนา ความอยากได้ อยากมี ชีวิตของเราเลยสร้างเงื่อนไขเยอะแยะไปหมด เราจะใช้คำว่า ถ้า ….ถ้า เยอะมากในการสร้างเงื่อนไขหรือสมมตเหตุการณ์ต่างๆขึ้น ดังนั้นหากเรามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง if-clause แล้ว เราจะสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยใช้ในการสร้างประโยคให้ถูกต้องและมีความสละสลวย ในการพูดสนทนาหรือนำมาใช้ในการเรียนได้

Learning log 6 นอกห้องเรียน

Learning log 6
นอกห้องเรียน
                ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาสากลที่มีความสำคัญและมีความจาเป็นต้องใช้ในชีวิตประจาวันโดยเฉพาะการสื่อสารภาษาอังกฤษมีบทบาทในฐานะเป็นภาษาสากล การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามหลักสูตรการศึกษาพื้นฐาน ขั้นพื้นฐานเป็นการพัฒนาทั้ง 4 ทักษะ คือ ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน และทักษะการเขียน ซึ่งทักษะทั้ง 4 ที่กล่าวมานั้นทักษะการพูดเป็นทักษะที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นทักษะที่แสดงให้เห็นว่าผู้พูดมีความรู้ทางภาษาอย่างชัดเจน และเนื่องจากทักษะการพูดเป็นการถ่ายทอดความคิด ความเข้าใจ และความรู้สึกในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

Learning log 6 ในห้องเรียน

Learning log 6
ในห้องเรียน
การเรียนในห้องเรียนครั้งนี้  ทำให้ดิฉันได้ความรู้ 2 ประด็นคือ เรื่อง adjective clause และการเปลี่ยนประโยค Adjective phrase โดยการเรียนในครั้งนี้จะเน้นการลดรูปประโยค เพื่อนำไปเขียนเป็นประโยค adjective phrase ซึ่งการลดรูปประโยคนั้นารลดรูปนั้นไม่ได้ทำให้ความหมายบิดเบือนไปจากเดิม การลดรูปนั้นก็เพื่อความกระชับของเนื้อหาแต่ก็ยังคงรักษาต้นฉบับเดิมไว้ ความหมายก็ยังเหมือนเดิม   และทำให้ประโยคหรือบริบทที่เราเขียนนั้นมีความกระชับยิ่งขึ้น ไม่ยืดเยื้อจนเกินไป ประเด็นแรกคือ adjective clause คือ subordinate clause ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนคำ adjective คำหนึ่ง ทำหน้าที่ขยายคำนาม และคำสรรพนาม บางครั้ง Adjective Clause จะถูก เรียกว่า Relative Clause Adjective Clause จะนำหน้าด้วย relative words ดังคำต่อไปนี้ Relative Pronouns ได้แก่ who, whom, whose ,which ,that และ  Relative Adverbs ได้แก่ where,when ,why  เป็นต้น Relative Pronouns และ Relative Adverbs  เป็นสรรพนามที่ใช้เชื่อมใจความสำคัญเข้าด้วยกันโดยใช้เชื่อมAdjective Clauseที่ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายคำนามหรือคำสรรพนามที่วางอยู่ข้างหน้า

Learning log 5 นอกห้องเรียน

Learning log 5
นอกห้องเรียน
            การเรียนรู้ภาษาอังกฤษหรือภาษาใดก็แล้วแล้วแต่มีเพียง 4 ทักษะหลักๆที่เราจะต้องเรียนรู้คือ ฟัง พูด อ่านา และเขียน ก่อนทำการศึกษาเราควรรู้ระดับของตัวเองก่อนว่าภาษาเราแย่มาก แย่ ใช้ได้ หรือดีมากแค่ไหน วิธีทดสอบไม่ต้องไปหาแบบทดสอบมาทำให้ยุ่งยากเพราะเรารู้ตัวเราเองอยู่แล้วว่าเราอยู่ในระดับไหน เพียงแค่ไม่โกหกตัวเองเป็นพอ เสร็จแล้วตั้งเป้าหมายของการเรียนว่าเราจะพัฒนาด้านใดดี ขั้นตอนต่อไปก็เพียงแค่เริ่มลงมือทำและอดทนแค่นั้นเอง
            กระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้น เป็นกระบวนการเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไปอย่าหักโหมก็เสมือนเป็นการที่เราทำร้ายตัวเอง ลองคิดดูว่า ขนาดภาษาไทยเราสามารถเขียนได้ อ่านออกก็ต้องใช้เวลาเรียนกันตั้งแต่ ก ข ค ดั้งนั้นการเรียนภาษาอังกฤษภายใต้สภาวะแวดล้อมรอบข้างที่ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษ สนทนากับเราเลย เราก็ต้องยิ่งเพิ่มความพยายาม โดยหมั่นฝึกอย่างต่อเนื่อง ฝึกวันละนิด แต่ต้องสม่ำเสมอ

Learning log 4 นอกห้องเรียน

Learning log 4
นอกห้องเรียน
            การอ่าน เป็นทักษะที่ทำให้เราได้รับความรู้และความเข้าใจเรื่องราวของสาระที่ได้อ่าน สามารถตีความหรือแปลความหมายของข้อความที่ได้อ่าน และยังทำให้เราได้ประเมินและพัฒนาศักยภาพในการอ่านได้ อีกทั้งยังสามารถใช้การอ่านให้เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ ดิฉันจึงเลือกที่จะพัฒนาทักษะการอ่าน เพื่อที่จะได้พัฒนาความรู้ที่ดิฉันไม่เคยรู้มาก่อน และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับวิชาการแปลได้ เพราะการแปลเป็นอีกหนึ่งวิชาที่สำคัญ ที่ดิฉันไม่เคยเรียนมาก่อน ดิฉันจึงเลือกศึกษาเกี่ยวกับ ความรู้เกี่ยวกับการแปล จากเว็ปไซด์ http://khunpech2501.wordpress.com  เพราะหลังจากที่ดิฉันศึกษาแล้ว ดิฉันหวังว่าความรู้ที่ดิฉันได้ศึกษาในครั้งนี้ ทำให้นำมาประยุกต์ใช้กับวิชาการแปลได้มากที่สุด

Learning log 4 ในห้องเรียน

Learning log 4
ในห้องเรียน
            มนุษย์ทุกคนเกิดมาย่อมมีการสื่อสารกัน ซึ่งการสื่อสารนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธี แต่การอยู่ร่วมกันในสังคมนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ใช้การพูดเป็นการสื่อสารระหว่างกัน ในการที่จะสื่อสารการพูดให้เข้าใจกันนั้นต้องประกอบไปด้วยผู้พูดและผู้ฟัง และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การใช้ประโยคให้ถูกต้องตามหลักที่ถูกกำหนดไว้ หากใช้ประโยคไม่ถูกต้องก็จะทำให้ผู้ฟังกับผู้พูดนั้นสื่อสารกันไม่เข้าใจไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม ยิ่งภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสำคัญที่ผู้คนนิยมใช้สื่อสารกันทั่วโลก เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้หลักของการสื่อสารและรูปแบบโครงสร้างของประโยค และการเรียงประโยคให้ถูกต้อง เพื่อที่จะได้นำมาใช้และสื่อสาร สนทนากับผู้อื่นได้อย่างเข้าใจและถูกต้อง

Learning log 3 นอกห้องเรียน

Learning log 3
นอกห้องเรียน
            จากการศึกษานอกห้องเรียนครั้งนี้ ดิฉันได้ศึกษาเกี่ยวกับข่าว การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ถูกช้างทำร้าย จากเว็ปไซด์ www.bangkokpost.com ซึ่งทำให้ดิฉันได้พัฒนาทักษะ 2 ด้าน คือทักษะการอ่านและทักษะการฟัง ทักษะเหล่านี้หากเราได้มีการฝึกฝนและนำมาใช้บ่อยๆ ก็จะช่วยให้เรานั้นได้พัฒนาความรู้และความสามารถทางด้านภาษา และยังได้บรรลุตามเป้าหมายในการศึกษาภาษาอังกฤษอีกด้วย เพราะในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษนั้นมีเนื้อหายากพอสมควร เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกฝนทุกๆทักษะเพื่อที่เราจะได้ก่ง มีความรู้ ความสามารถ ความเข้าใจในการใช้ภาษา และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนในห้องเรียนได้อีกด้วย

Learning log 3 ในห้องเรียน

Learning log 3  
ในห้องเรียน
Tenses คือ รูปแบบหรือโครงสร้างของกริยาที่แสดงให้เราทราบว่า การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งเรื่อง tenses นี้เป็นเรื่องสำคัญถ้าเราใช้ tense ไม่ถูก เราก็ไม่สามารถสื่อภาษากับคนอื่นไม่ได้ เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนั้นจะอยู่ในรูปของ tense เสมอ ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่เราจะมีข้อความบอกว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่มาช่วยเสมอ แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป tense นี้มาเป็นตัวที่บ่งบอกกาลเวลา ดังนั้นการศึกษาเรื่อง tense จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น
Tense จะแบ่งออกเป็น 3 tenses ใหญ่ๆคือ Present tense (ปัจจุบัน) Past tense(อดีต) และ Future tense (อนาคต) และในแต่ละ Tense สามารถแยกย่อยได้ tense ละ 4 ข้อ คือ 1 simple tense ธรรมดา 2.continuous tense กำลังกระทำอยู่ 3. Perfect tense สมบูรณ์ (ทำเรียบร้อยแล้ว) 4. Perfect continuous tense สมบูรณ์กำลังกระทำอยู่

Learning log 1

Learning log 1
(ในและนอกห้องเรียน)
จากการที่ได้เรียนรู้ในห้องเรียน ได้ความรู้ 2 ประเด็นคือ
ประเด็นที่ 1

 
                                              I + 1 = Comprehensible Input


จากโครงสร้างดังกล่าวสามารถสรุปเป็นข้อมูลได้ดังนี้
I = นักเรียน 
+1 = เป็นข้อมูลที่ครูสอนนักเรียนซึ่งจะเป็น +2,+3,+4,+5 ก็ได้ แต่ครุต้องรู้พื้นฐานนักเรียนมาก่อน (Background           Knowledge) และต้องสอนนักเรียนในความรู้ที่ยากขึ้นมาระดับหนึ่ง
Comprehensible Input = ความเข้าใจหรือผลที่นักเรียนได้รับจากครูผู้สอน แต่ถ้าครูผู้สอนใช้ I+1แล้วนักเรียนยังไม่เข้าใจหรือไม่รู้เรื่อง แสดงว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวครูผู้สอน แต่ปัญหาอยู่ที่นักเรียน
                  ซึ่งสรุปได้ว่าในการเรียนการสอนที่จะให้ได้ผลสำเร็จที่ดีนั้น ครูจะต้องรู้พื้นฐานเดิมของนักเรียน เพื่อจะได้ป้อนข้อมูลที่เหมาะสมให้แก่นักเรียน เพราะว่าถ้าครูจะป้อนข้อมูลที่ยากเกินไปให้กับเด็กก็จะเกิดช่องว่างและทำให้นักเรียนไม่เข้าใจโดยในการที่ครูจะรู้พื้นฐานเดิมของนักเรียนได้นั้น อาจจะใช้การทดสอบโดยการ Pre-test หรือถามปัญหาในห้องเรียน

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความแตกต่างทางโครงสร้างของภาษาไทยกับภาษาอังกฤษที่มีผลต่อการแปล

ความแตกต่างทางโครงสร้างของภาษาไทยกับภาษาอังกฤษที่มีผลต่อการแปล
                โครงสร้างเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเรียนรู้ภาษาหรือการใช้ภาษา โครงสร้างเป็นสิ่งที่บอกเราว่าเราจะนำคำศัพท์ที่เรารู้มาประกอบกันหรือเรียงกันอย่างไรจึงจะเป็นที่เข้าใจของผู้ที่เราสื่อสารด้วย ในการใช้ภาษาก็ตาม ถ้าเราไม่รู้หรือเข้าใจโครงสร้างของภาษานั้น เราจะล้มเหลวในการสื่อสารคือฟังหรืออ่านไม่เข้าใจ
                ในการแปล ผู้แปลมักนึกถึงศัพท์ ถ้าหาได้ก็ไม่มีปัญหา ถ้าหาไม่ได้ก็คิดว่ามีปัญหา ปัญหาที่สำคัญและลึกซึ้งกว่านั้นคือ ปัญหาทางโครงสร้าง นักแปลผู้ใดก็ตามที่ถึงแม้จะรู้ศัพท์แต่ละคำในประโยคแต่หากไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของศัพท์เหล่านั้นก็มีโอกาสล้มเหลวได้

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการแปล

บทที่ 1
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการแปล
ความสำคัญของการแปล
                ในปัจจุบันมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสื่อสารเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขว้าง และมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการแสดงและอธิบายความหมายเพื่อการโต้ตอบระหว่างมนุษย์ทั่วโลก การแปลจึงมีความสำคัญมากขึ้นเนื่องจากประเทศไทยมีการติดต่อกับต่างประเทศในวงการต่างๆมากขึ้น ผู้ที่ทำการติดต่อนั้นบางคนอาจจะรู้ภาษาต่างประเทศไม่ดีพอ จึงจำเป็นต้องอาศัยผู้แปล งานแปลจึงสามารถยึดเป็นอาชีพได้และเป็นอาชีพที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาชีพที่ช่วยเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ประเทศให้เร็วยิ่งขึ้นโดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยี
การแปลในประเทศไทย