Learning
log 7
นอกห้องเรียน
ในการเรียนการสอนให้ได้ผลดีนั้น
จะเหมือนกันทุกภาษา
คือไม่ว่าเราจะเรียนภาษาอะไรสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งคือการที่ครูสอนภาษาสามารถทำให้ผู้เรียนรักภาษาอังกฤษก่อน
เมื่อเรารักภาษาอังกฤษแล้วก็จะเรียนด้วยความไม่เครียด และจะสามารถเรียนได้ดี
หลายคนบ่นว่าไม่ชอบภาษาอังกฤษ แต่อยากเก่งภาษาอังกฤษ
คงจะเป็นไปได้ยากที่เราจะเก่งในสิ่งที่ไม่ได้รัก
ดังนั้นเราควรจะหาวิธีที่ทำให้ชอบภาษาอังกฤษก่อน แล้วเราก็จะเก่งภาษาอังกฤษไปเอง
ก่อนอื่นเราต้องเริ่มจากการหาวัตถุดิบที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษเข้าไปในสมองของคนเราให้ได้เยอะๆก่อน
หรือพยายามร้างสภาพแวดล้อมให้เป็นภาษาอังกฤษ เช่น การฟังภาษาอังกฤษ การพูด การอ่าน
การเขียนภาษาอังกฤษมากๆ โดยการฟังเพลง หรือดูภาพยนตร์ที่เราชอบเป็นภาษาอังกฤษ
ทำซ้ำๆหลายๆรอบ พยายามพูดตาม ให้สำเนียงเหมือนให้ได้ แล้วจึงมาหาความหมายในภายหลังว่าคำภาษาอังกฤษนั้นถ้าแปลเป็นไทยแล้ว
มีความหมายว่าอย่างไร
ก็จะเป็นวิธีที่ทำให้เราเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีอย่างรวดเร็ว
คำพูดที่ว่า “ทำอย่างไรให้ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง”หรือ “ทำอย่างไรจึงจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง”
เป็นคำพูดที่คนส่วนใหญ่พูดกันทั้งๆที่เรียนภาษาอังกฤษมาแล้วหลายปี ยิ่งไปกว่านั้น
หลายคนยังต้องเสาะหาที่เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมจากที่ต้องเรียนในโรงเรียนและบางคนผ่านการเรียนภาษาอังกฤษจากสถาบันสอนภาษาอังกฤษมาแล้วหลายสถาบัน
แต่ก็ยังไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้สักที บางคนสามารถอ่านภาษาอังกฤษได้ดี เข้าใจดี
แต่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี สาเหตุที่สำคัญคือ เราต้องฟังประโยคซ้ำๆหลายๆรอบ
จนขึ้นใจแล้วพูดตามออกเสียงให้เหมือนที่สุด อาจไม่เข้าใจความหมายหรือคำแปล
ขอให้พูดภาษาอังกฤษออกมาให้ได้ก่อน
เมื่อเราพูดประโยคภาษาอังกฤษเหล่านั้นออกมาได้แล้ว เราก็หลุดอออกจากกับดักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้แล้ว
นั้นแปลว่าเราได้เข้าสู่วงจรของการที่จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติแล้ว
วิธีการฝึกฟังภาษาอังกฤษให้ได้ผลเร็วมีเทคนิคดังนี้ 1. ฝึกฟังจากเทป
บทสนทนาภาษาอังกฤษซึ่งบทสนทนานั้นจะต้องพูดด้วยความเร็วปกติที่ชาวต่างชาติพูด อย่าฝึกฟังจากเทปที่พูดช้ากว่าการพูดปกติของเขา
เนื่องจากจะทำให้เราเคยชินกับการฟังภาษาอังกฤษ แบบที่พูดช้าๆ
และเมื่อเจอชาวต่างชาติที่พูดคุยด้วยความเร็วปกติ เราก็ไม่เข้าใจเช่นเดิม 2. การฝึกฟังครั้งแรก ควรเริ่มฟังครั้งละ 5-10 ประโยค 3.ขณะที่ฝึกฟังภาษาอังกฤษต้องมี script เสมอ
4. ในการฝึกฟังแต่ละครั้ง
ต้องฟังให้ได้อย่างน้อย สี่รอบ คือ รอบที่
ฟังพร้อมสคริป และหากเห็นว่าคำใดที่เราเคยออกเสียงไม่เหมือนเขา
หรือเราฟังไม่รู้เรื่องแม้จะมีสคริป ให้หยุดเทปแล้วจดลงในสคริป
ว่าเสียงที่เราได้ยินนั้นคือสียงอะไร รอบที่2,3
ให้ออกเสียงตาม รอบที่ 4,5,6 ลองฟังแบบลับตา โดยไม่มีสคริป 5.
ช่วงแรกฝึกประโยคเดิมๆ ด้วยวิธีข้างต้น สัปดาห์ละ 2-3ครั้ง แล้วจึงค่อยๆเพิ่มจำนวนประโยคให้มากขึ้นเป็น 15-20 ประโยค ต่อการฝึกฟังแต่ละครั้ง หากทำวิธีดังกล่าวข้างต้นอย่างสม่ำเสมอเพียงเดือนเดียวรับรองว่านอกจากจะฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องแล้ว
ยังสามารถพูดภาษาอังกฤษได้โดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
ดังนั้นการพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษ
จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากที่สุด ที่ต้องได้รับการพัฒนาก่อนเป็นอันดับแรก
การฟังมากๆซ้ำๆ นอกจากจะทำให้ทักษะการฟังภาษาอังกฤษดีขึ้นแล้ว
ยังทำให้สามารถพูดได้ เมื่อเราพูดประโยคเหล่านั้นออกมาแล้ว
เราก็หลุดออกจากการคำนึงถึงไวยากรณ์ คือเราสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างอัตโนมัติ
หลังจากนั้นจึงค่อยมาศึกษาคำแปลของประโยค
และเพิ่มประโยคเหล่านั้นให้มีในสมองมากขึ้น ลำดับต่อไปจึงฝึกพูดประโยคภาษาอังกฤษเหล่านั้นให้เร็วโดยไม่ติดขัดอีกแล้ว
แล้วจึงมาฝึกหรือแก้ไขคำที่เรามักจะออกเสียงภาษาอังกฤษไม่ถูกต้องไม่ชัด
ให้พูดได้ชัดเจนขึ้น ตรงนี้อาจจะต้องอาศัยครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นเข้าของภาษา
เช่นชาวอังกฤษหรือชาวอเมริกันที่มีประสบการณ์มาช่วยสอน เพื่อให้เรียนได้เร็วและมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น