Learning
log 1
(ในและนอกห้องเรียน)
จากการที่ได้เรียนรู้ในห้องเรียน
ได้ความรู้ 2 ประเด็นคือ
ประเด็นที่
1
I + 1 =
Comprehensible Input
จากโครงสร้างดังกล่าวสามารถสรุปเป็นข้อมูลได้ดังนี้
I = นักเรียน
+1 = เป็นข้อมูลที่ครูสอนนักเรียนซึ่งจะเป็น
+2,+3,+4,+5 ก็ได้ แต่ครุต้องรู้พื้นฐานนักเรียนมาก่อน (Background Knowledge) และต้องสอนนักเรียนในความรู้ที่ยากขึ้นมาระดับหนึ่ง
Comprehensible Input = ความเข้าใจหรือผลที่นักเรียนได้รับจากครูผู้สอน แต่ถ้าครูผู้สอนใช้ I+1แล้วนักเรียนยังไม่เข้าใจหรือไม่รู้เรื่อง แสดงว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวครูผู้สอน
แต่ปัญหาอยู่ที่นักเรียน
ซึ่งสรุปได้ว่าในการเรียนการสอนที่จะให้ได้ผลสำเร็จที่ดีนั้น
ครูจะต้องรู้พื้นฐานเดิมของนักเรียน เพื่อจะได้ป้อนข้อมูลที่เหมาะสมให้แก่นักเรียน
เพราะว่าถ้าครูจะป้อนข้อมูลที่ยากเกินไปให้กับเด็กก็จะเกิดช่องว่างและทำให้นักเรียนไม่เข้าใจโดยในการที่ครูจะรู้พื้นฐานเดิมของนักเรียนได้นั้น
อาจจะใช้การทดสอบโดยการ Pre-test หรือถามปัญหาในห้องเรียน
ประเด็นที่
2 จากการที่ได้เรียนรู้เรื่อง Tense คือ
ได้รู้ว่าคำกริยาในประโยคภาษาอังกฤษที่บ่งบอกถึงการกระทำว่าเกิดขึ้นเมื่อไร
เกิดขึ้นในอดีตหรือปัจจุบัน กำลังดำเนินหรือจบไปแล้ว
ซึ่งในการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยมักจะมีปัญหาเรื่องเวลา
ประโยคในภาษาอังกฤษที่ใช้กาลต่างกัน อาจแลเป็นภาษาไทยเหมือนกันคล้ายกับว่าไม่มีข้อตกต่างกันเลย
หรือบางครั้งใช้กาลต่างกัน
เช่น He lived in Nakhon Si Thammarat for
a year.
ใช้กริยาเป็น past simple คือ
เขาเคยอยู่นครศรีธรรมราชมาก่อน 1 ปี
He has lived in Nakhon Si Thammarat
for a year.
ใช้กริยา present per fect คือเขาอยู่นครศรีธรรมราชมาหนึ่งปีแล้ว
รูปประโยคในภาษาอังกฤษทั้งสองไม่มีคำบอกกาลแต่สิ่งที่บอกให้ทราบคือรูปของคำกริยาที่ใช้ต่างกัน
ในภาษาไทยรูปกริยาไม่บอกกาลให้เราทราบ
เวลาแปลจึงจำเป็นต้องเติมคำขยายเข้าไปเพื่อให้ได้ความหมายตรงกับภาษาอังกฤษ
ซึ่งในการแปลเราควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1.
ต้องเข้าใจว่า กาล ในภาษาอังกฤษนั้น
นอกจากจะบอกว่าการกระทำเกิดขึ้นเมื่อไร การใช้กาลยังบอกให้ทราบถึงสิ่งอื่นๆอีกด้วย
2.
ตีความให้ได้ก่อนว่าการใช้กาลนั้นๆในประโยคนั้นหมายความว่าอย่างไร
3.
ในภาษาไทย
ควรใช้ข้อความอย่างไรจึงจะได้ความหมายตรงกัน
4.
ถ้าจำเป็นต้องเติม ตัด
หรือเปลี่ยนแปลงคำขยายเกี่ยวกับเวลาอย่างไร
ต้องให้มีลักษณะและสำนวนเป็นไทยในรูปแบบที่เข้าใจกันโดยทั่วไป
สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเพลง
waiting for the end ซึ่งมีคำศัพท์ ที่น่าสนใจดังนี้ the
eye of the strom = the center of a disagreement , the middle of a mass of
server weather และ at the mercy อีกทั้งได้ฝึกทักษะการฟังและฝึกการพูดไปพร้อมๆกัน
ทำให้เราได้จำคำศัพท์เพิ่มขึ้นและสามารถสร้างความสนุกสนานให้กับตัวเราเองอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น